
การลดผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อยเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมากตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการระบาดเมื่อต้นปี 2563 สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีจึงได้จัดกิจกรรม“มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 เพื่อรับฟังความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรงแล้วนำไปประกอบการพิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ ซึ่งหนึ่งในประเด็นที่กลุ่มผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการอิสระ และประชาชนที่มีรายได้น้อยกว่า 30 คนได้ขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีในการพบกันครั้งนั้น คือ ขอให้โรงรับจำนำต่าง ๆ ขยายเวลาการไถ่ถอนทรัพย์จำนำ
นายกรัฐมนตรีจึงได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทยซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบสถานธนานุบาลในต่างจังหวัด และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ซึ่งรับผิดชอบสถานธนานุเคราะห์ทั่วประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานครซึ่งรับผิดชอบสถานธนานุบาลในกรุงเทพมหานคร เร่งหามาตรการช่วยลดภาระการไถ่ถอนทรัพย์จำนำและมาตรการเสริมที่จะช่วยให้ประชาชนใช้บริการโรงรับจำนำของรัฐต่าง ๆ ได้สะดวกยิ่งขึ้น และปลอดภัยจากการติดเชื้อโควิด-19 และให้สำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรีเร่งติดตามผลการดำเนินการ
ด้วยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในวันนี้ เราจึงได้มาซึ่งมาตรการช่วยเหลือประชาชนของสำนักงานธนานุเคราะห์ ซึ่งมี 39 สาขาทั่วประเทศ (กรุงเทพฯ 29 สาขา ปริมณฑล 4 สาขาที่ นนทบุรี สมุทรปราการ และปทุมธานี และในส่วนภูมิภาค 6 สาขา ที่ จ.ระยอง ลำพูน สุราษฎร์ธานี อุดรธานี และพิษณุโลก) ทั้งในรูปแบบการลดดอกเบี้ยเป็นการชั่วคราว ยืดเวลาตั๋วจำนำ การปรับนโยบายรับจำนำสิ่งของที่โรงรับจำนำเอกชนไม่รับ ที่สำคัญ ยังได้มีการเปิดให้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ที่ 7-Eleven ทุกสาขา และชำระออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน กรุงไทย Next ในมือถือได้ด้วย เพื่อตอบโจทย์ที่ประชาชนร้องขอมาว่าไม่ต้องการเดินทางไปที่โรงรับจำนำเอง ทั้งหมดนี้ จึงทำให้ปัจจุบันพี่น้องประชาชนได้รับการอำนวยความสะดวกและเป็นการลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 จากเดินทางมาที่โรงรับจำนำได้ หากท่านมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติม สามารถติดต่อเราได้ที่ PMDUThailand@gmail.com
28 ธันวาคม 2563/ 284 Views/ เวลาอ่าน 2 นาที